บาคาร่าเว็บตรงกรมอนามัย เผย คนไทยติดหวาน ห่วงเด็กซดน้ำหวานมากสุด

บาคาร่าเว็บตรงกรมอนามัย เผย คนไทยติดหวาน ห่วงเด็กซดน้ำหวานมากสุด

คนไทยติดหวาน – กรมอนามัย เผย คนไทยติดหวานบาคาร่าเว็บตรง ดื่มเครื่องดื่มที่ผสมน้ำตาลเฉลี่ยมากกว่า 1 แก้วทุกวัน โดยเฉพาะเด็กอายุ 6-14 ปี มีการดื่มต่อสัปดาห์มากที่สุด แนะป้องกันใช้วิธีสั่งสูตรหวานน้อย ลดปริมาณน้ำตาลส่วนเกิน ป้องกันโรคฟันผุ

แพทย์หญิงพรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย 

กล่าวว่า การบริโภคน้ำตาลที่เป็นส่วนประกอบของอาหารและเครื่องดื่มที่มากเกินไปจะก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพตามมา เช่น โรคอ้วน เบาหวาน หัวใจและหลอดเลือด และฟันผุ เป็นต้น โดยปริมาณน้ำตาลที่คนไทยได้รับส่วนใหญ่มาจากขนมและเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของน้ำตาล จากการศึกษาผลของการดำเนินมาตรการภาษีเครื่องดื่มรสหวานต่อพฤติกรรมการบริโภคของประชาชน โดย สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล ปี 2562 พบว่า โดยเฉลี่ยในแต่ละวันคนไทยดื่มเครื่องดื่มที่ผสมน้ำตาลเฉลี่ยกว่า 3 แก้ว (519.3 มิลลิลิตร) โดยผู้ชายดื่มมากกว่าผู้หญิง และพบว่าในกลุ่มเด็กอายุ 6-14 ปีเป็นกลุ่มที่ดื่มเครื่องดื่มที่ผสมน้ำตาลเฉลี่ยต่อสัปดาห์มากที่สุด เครื่องดื่มที่ผสมน้ำตาลที่วางจำหน่ายในประเทศไทยพบมีปริมาณน้ำตาลสูงมาก เฉลี่ย 9-19 กรัม/100 มิลลิลิตร ในขณะที่ปริมาณที่เหมาะสมคือไม่ควรมีน้ำตาลมากกว่า 6 กรัม/100 มล. เพราะจะเพิ่มโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคอ้วนและโรคไม่ติดต่อเรื้อรังได้ในระยะยาว

ทางด้านทันตแพทย์หญิงปิยะดา ประเสริฐสม ผู้อำนวยการสำนักทันตสาธารณสุข กล่าวว่า น้ำตาลเป็นแหล่งอาหารชั้นดีของแบคทีเรียในการผลิตกรดทำลายผิวฟัน จนลุกลามไปเรื่อยๆ หากไม่มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม โดยควรเน้นบริโภคผักหรือผลไม้ที่มีเส้นใยเซลลูโลส เพราะมีประโยชน์ต่อร่างกาย ซึ่งการเคี้ยวเส้นใยจะช่วยกระตุ้นให้มีน้ำลายมากขึ้น สามารถเจือจางสภาพความเป็นกรดได้เป็นอย่างดี รวมทั้งอาหารกลุ่มโปรตีน เช่น ถั่วต่างๆ นมที่มีแคลเซียมและฟอสเฟตสูง หากต้องการดื่มเครื่องดื่มที่ผสมน้ำตาล แนะนำให้สั่งสูตรหวานน้อย เพื่อลดปริมาณน้ำตาลส่วนเกิน ทั้งนี้ เครื่องดื่มที่ดีที่สุดสำหรับร่างกาย คือ น้ำเปล่า โดยควรดื่มอย่างน้อย 6- 8 แก้วต่อวัน เพราะจะช่วยชะล้างเศษอาหารที่ตกค้างในช่องปาก ทำให้ปากไม่แห้ง ลดปัญหากลิ่นปากเป็นผลดีต่อสุขภาพฟันไม่ก่อให้เกิดฟันผุ

วันนี้ (27 ก.ย.) มีรายงานข่าวว่าเฟซบุ๊กชื่อ Sathian Ken Suravisankul ซึ่งเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านทันตกรรม โรงพยาบาลป่าตอง อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต เผยแพร่ภาพการถอนฟันน้ำนมเด็กน้อยวัย 4 ขวบ

แพทย์ระบุว่า การถอนฟันครั้งนี้ต้องถอนมากถึง 20 ซี่ ฉีดยาชา 14 เข็ม เย็บ 18 เข็ม หลังจากพบว่ามีอาการฟันผุ จากการที่แม่ปล่อยลูกไว้ที่เนิร์สเซอรี นอกจากนี้ แพทย์ยังระบุด้วยว่า ทางคลินิกไม่มีเจตนาให้วิจารณ์หรือตัดสินว่าใครผิด และควรให้เกียรติผู้ปกครองที่กรุณาให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์กัน

“ขอบคุณ น้องหมอกั้ง หมอดมยาจาก รพ.วชิระภูเก็ต ที่มาช่วยดมยาสลบให้เช้านี้ ขอบคุณทีมงานห้องฟันและห้องดมยา รพ.ป่าตองครับ”

มีเฮ! แม่เต่ามะเฟืองวางไข่เพิ่ม หาดท้ายเหมือง พังงา

วันนี้ (27 พ.ย.) ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ได้เผยทางเฟซบุ๊ก Thon Thamrongnawasawat ว่า มีร่องรอยแม่เต่ามะเฟืองขึ้นมาวางไข่เพิ่มที่หาดท้ายเหมือง จ.พังงา จุดใกล้เคียงกับที่มีการพบแม่เต่ามะเฟืองวางไข่ก่อนหน้านี้ โดยครั้งนี้ คาดว่าอาจเป็นแม่เต่ามะเฟืองตัวที่ 2 อีกด้วย

ดร.ธรณ์ ระบุว่า แม่เต่ามะเฟืองตัวแรกนั้น ขนาดกว้างพายซ้ายถึงขวา 204 เซนติเมตร อกกว้าง 52 เซนติเมตร แต่ตัวนี้ แม้จะไม่พบตัวแต่ จากรอยที่พบ วัดความกว้างได้ 150 เซนติเมตร อกกว้าง 40 เซนติเมตร ซึ่งขนาดต่างกันพอสมควร จึงเชื่อว่าอาจเป็นคนละตัว แต่ถ้าจะให้พิสูจน์ได้อย่างมั่นใจเลยจะต้องรอให้แม่เต่าตัวแรกกลับมาวางไข่อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งน่าจะเกิดขึ้นภายในวันหรือสองวันนี้

ในครั้งนี้ แม่เต่ามะเฟืองตัวล่าสุดวางไข่ที่บ่อดาน ซึ่งอยู่ทางใต้ของรังแรกเกือบ 20 กิโลเมตร ส่วนรังแรกนั้น ถูกย้ายมาที่ทำการอุทยานฯ ท้ายเหมือง ส่วนรังที่สองเก็บไว้ที่เดิมเพราะวางไข่อยู่เหนือระดับน้ำมากพอสมควร และวางกลางดึก ขณะที่พบนั้นเวลาผ่านไปนานแล้วจึงเห็นควรว่าไม่ย้ายจะดีกว่า

ดร.ธรณ์ ระบุอีกด้วยว่า ถ้านี่เป็นแม่เต่าตัวที่ 2 จริง มีสิทธิ์ลุ้นไข่เต่าถึง 6 รัง ซึ่งในรอบปีกว่านี้ ซึ่งมีฤดูวางไข่ 2 ฤดู มีเต่ามะเฟืองมาวางไข่แล้ว 5 รังที่หาดในจ.พังงา

‘ยิ่งแม่เต่าสัตว์สงวนขึ้นวางไข่ ยิ่งเป็นดัชนีชี้วัดว่าคนพังงาดูแลทะเลดีขนาดไหน น่ารักจริงๆ จังหวัดนี้ ตอนนี้ทั้งกรมอุทยาน กรมทะเล ชาวบ้าน กำลังช่วยกันล้อมคอก พร้อมติดตั้งคอกเตรียมดูแลอย่างดี ขอบคุณชาวพังงาครับ’ ดร.ธรณ์ กล่าว

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 17 พ.ย. มีการพบแม่เต่ามะเฟืองยาว 2 เมตร วางไข่รังแรก ที่หาดท้ายเหมือง จ.พังงา แม่เต่าวางไข่ในหลุมลึก 72 เซนติเมตร จำนวนไข่ 104 ฟอง ตรวจดูแล้วมี 85 ฟองที่สมบูรณ์ โดยเป็นไข่ลม 19 ฟอง และเนื่องจากอยู่ใกล้แนวคลื่น ห่างเพียง 20 เมตร จึงต้องย้ายไข่มาไว้ในที่ปลอดภัยจากคลื่นและน้ำขึ้นสูง และมีผู้เฝ้าระวังตลอดเวลา ก่อนที่จะมีการย้ายไปยังที่ทำการอุทยานฯ ท้ายเหมือง

นอกจากนี้ ดร.ธรณ์ ยังได้โพสต์ระบุวิธีการปฏิบัติตัวหากพบแม่เต่าขึ้นมาวางไข่บนหาด เนื่องจากพื้นที่บริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่กว้าง ส่วนใหญ่เป็นหาดสาธารณะ จึงมีโอกาสสูงที่แม่เต่าจะไม่ได้วางไข่ในเขตอุทยาน และผู้พบเจอจะไม่ใช่เจ้าหน้าที่ ซึ่งดร.ธรณ์แนะนำว่า หากเจอแม่เต่าวางไข่ ไม่ควรเข้าใกล้หรือไปถ่ายภาพจนชิด โดยเฉพาะตอนแม่เต่ากำลังขึ้น อย่าอยู่ข้างหน้าเด็ดขาด เพราะก่อนวางไข่แม่เต่าจะลังเล อาจคลานกลับลงทะเลโดยไม่วางไข่ อีกทั้งอย่าใช้ไฟฉายส่องหน้าแม่เต่า ไม่จับ ไม่สัมผัสทุกประการ ดูแลสัตว์เลี้ยงอย่าให้เข้าใกล้ และเมื่อพบเต่าหรือรอยเดินของเต่า ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ทช. กรมอุทยาน อาสาสมัคร ฯลฯบาคาร่าเว็บตรง