เหตุสลดก่อนวันแม่ ที่น.ส.ต่าย อายุ 25 ปี จ้างวานฆ่ามารดาของตนเอง หวังเงินมรดก 10 ล้านบาท ล่าสุดเมื่อสายวันนี้ (11 ส.ค.) ตำรวจได้ควบคุมตัวน.ส.ต่าย พร้อมด้วยมือปืนและผู้ขับรถให้มือปืนฝากขังแล้ว โดยก่อนหน้านี้ น.ส.ต่าย และ นายกิตติพงษ์ หรือใหม่ พลับพลา (ซึ่งยังไม่ได้ตัวมาดำเนินคดี) ได้ร่วมมือกันจ้างวาน นายประเชิญ หรือจ่อย กระบินโรท อายุ 40 ปี มือปืน และนายดาว แจ้งประดิษฐ์ อายุ 35 ปี ผู้ขับรถพาหลบหนี ให้ยิงแม่ของตัวเอง เพื่อหวังเงินมรดก และจะนำเงินไปประกันตัวแฟนหนุ่มที่ต้องคดียาเสพติด เนื่องจากรู้ว่าผู้เป็นแม่ได้ทำประกันชีวิตเอาไว้ และมีที่ดินในต่างจังหวัดอีก 50 ไร่ มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท
น.ส.ต่าย และนายใหม่ จ้างวานนายจ่อย และนายดาว
ซึ่งเป็นเพื่อนของแฟน ด้วยเงินจำนวน 200,000 บาท และให้ลงมือในคืนวันที่ 22 มิ.ย. ที่ผ่านมา ในหมู่บ้านสวนทิพย์ ถนนคลองลำเจียก ย่านบึงกุ่ม กทม. เคราะห์ดีที่ผู้เป็นแม่รอดมาได้ แต่ก็บาดเจ็บสาหัส
ต่อมาเมื่อวันที่ 9 ส.ค. ที่ผ่านมาตำรวจสน.โคกครามได้ควบคุมตัวทั้งสามคน พร้อมของกลางเป็นอาวุธปืนสั้นไทยประดิษฐ์ขนาด .38 ซึ่งไม่มีทะเบียน และหัวกระสุนปืนขนาด .38 จำนวน 2 หัว และแจ้งข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวและไม่มีเหตุอันควร โดยน.ส.ต่ายและนายจ่อยให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนได้ขอคัดค้านการประกันตัวไว้แล้ว เนื่องจากคดีมีโทษสูง และเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี นำมาสู่การฝากขังดังกล่าว อย่างไรก็ตาม รายงานระบุว่า ไม่มีผู้ใดมายื่นคำร้องขอประกันตัวชั่วคราวแต่อย่างใด ขณะที่น.ส.ต่ายกล่าวว่า ตนรู้สึกผิด และได้ขอโทษแม่ไปแล้ว โดยช่วงคืนที่ผ่านมา ไม่มีญาติพี่น้องของน.ส.ต่ายมาเยี่ยม หรือซื้อของมาฝากเลย ส่วนเจ้าตัวก็มีอาการเหม่อลอยเป็นพักๆ
ขณะนี้ ตำรวจกำลังอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติมที่น่าจะมีส่วนรู้เห็นกับคดีนี้
พระจูเลี่ยนเปิดใจหลังสึก เซ่นเสพเมถุนหญิงสาว พระจูเลี่ยน – จากกรณีเพจเฟซบุ๊กแฉพฤติกรรมอดีตพระจูเลี่ยน พระนักพัฒนาบนดอยจ.ทางภาคเหนือ ว่าเสพเมถุนหญิงสาว พาหญิงสาวชาวต่างชาติไปเที่ยวโฮมสเตย์ เมื่อ 5 ปีก่อน และอ้างว่าได้สอนศิษย์ด้วยธรรมะที่ผิดจากพระธรรมโดยปกติ
ต่อมาพระจูเลี่ยนได้ทำการสึกเมื่อวันที่ 10 ส.ค. ที่ผ่านมา ณ วัดบ้านแม่แปะ ต.แม่แปะ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ทั้งนี้อ คืบหน้าล่าสุด อดีตพระจูเลี่ยนได้ออกมาเปิดใจผ่านเฟซบุ๊ก หลังลาสิกขาว่า
“ข้าพเจ้า อดึตพระจูเลี่ยน ขอรับว่าข้าพเจ้าได้กระทำความผิดพระธรรมวินัยจริง ที่ละเมิดพระธรรมวินัยเสพเมถุนกับหญิง เมื่อหลายปีที่แล้วและเสียใจจากการกระทำดังกล่าวจึงตัดสินใจสละจากสมณะเพศในวันนี้เป็นการไถ่โทษและสำนึกผิด
แต่ข้าพเจ้ายังมีศรัทธาต่อพระพุทธศาสนามิเสื่อมคลาย หากมีครูบาอาจารย์ท่านใด เห็นว่า ข้าพเจ้ายังมีศรัทธาเหล่านี้อยู่จริง ได้โปรดแนะนำสั่งสอน ชี้แนะ ให้ข้าพเจ้าได้เห็นได้รู้หนทางที่ถูกที่ตรงด้วยเถิด ข้าพเจ้าจะไม่ร้องขอความเมตตาใดๆ จากผู้ใด นอกจากยอมรับและสัมนึกผิดอย่างที่สุด ที่ทำให้ผู้มีศรัทธาแก่ข้าพเจ้าต้องเกิดความผิดหวัง ข้าพเจ้ากราบขอโทษอย่างสุดหัวใจ และไม่ว่าโลกจะตัดสินในความเห็นผิดนี้ของข้าพเจ้าอย่างไร ข้าพเจ้าขอน้อมรับด้วยความกล้าหาญ และขอรับผลของกรรมนี้ไว้แต่เพียงผู้เดียว
เตือนภัย! สาวพักรีสอร์ตโคราชคนเดียว โดนบุกทำร้ายถึงห้อง แถมรีสอร์ตปัดความรับผิดชอบ
เมื่อวานนี้ (8 ส.ค.) ผู้ใช้เฟสบุ๊กชื่อ Rinrada Poommaran ได้โพสต์เตือนภัย ถึงประสบการณ์ที่ตนได้เข้าพักที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งใน อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา และถูกวัยรุ่นบุกเข้ามาในห้องทำร้าย และพยายามฆาตกรรม
โดยหญิงสาวรายนี้ เดินทางไปร่วมงานแต่งของพี่สาว และมีการเปิดห้องที่รีสอร์ตทั้งหมด 11 ห้อง ในคืนแรกตนนอนกับพี่สาวซึ่งเป็นเจ้าสาว และไม่มีอะไรเกิดขึ้น พอคืนที่ 2 หลังจากเสร็จจากงานแต่งงาน ตนก็กลับมาที่พัก และนอนคนเดียว โดยทางพี่สาวได้บอกให้ตนล็อกห้องดีๆ เพราะ ทั้งพี่สาวและพี่เขยเห็นว่ามีชายวัยรุ่นพักอยู่ห้อง 12 ซึ่งเป็นห้องข้างๆ
เมื่อถึงเวลาประมาณตี 1 ครึ่ง ตนตื่นมาเห็นผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่ปลายเตียง อายุประมาณ 16-17 ปี ผิวคล้ำ รูปร่างผอม เมื่อถามว่าใคร ชายคนนั้นก็ตอบว่า ‘ปอนด์’ แล้วก็ตรงเข้ามาคร่อมพร้อมต่อยหน้าจนเลือดกำเดาไหล คาดว่าตั้งใจให้หมดสติ เมื่อตนร้องขอความช่วยเหลือ ชายรายนี้ก็ใช้หมอนกดหน้า แต่ตนก็ต่อสู้และลุกขึ้นมาบีบคอคนร้าย คนร้ายเองก็บีบคอตน จนสุดท้ายคนร้ายตัดสินใจวิ่งหนีไปด้านระเบียงรีสอร์ต ตนพบว่ารองเท้าแตะยี่ห้อ Nike และเงินสดอีก 1,000 บาทหายไปด้วย
ตนได้วิ่งไปหาแฟนและน้องชายซึ่งนอนอยู่ห้องตรงข้าม พร้อมทั้งโทรหาพี่สาว ก่อนจะเดินไปติดต่อพนักงานเพื่อขอดูกล้องวงจรปิด และสอบถามประวัติคนเข้าพัก แต่คนดูแลกลับตอบว่า “แล้วจะให้ผมทำไง” พี่สาวและตนโวยวายให้โทรเรียกเจ้าของ พนักงานคนดังกล่าวจึงยอมไปตามเจ้าของมา
ตนได้เข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจและเข้าตรวจร่างกาย เมื่อกลับมาที่พัก ผู้ที่บอกว่าเป็นลูกเขยของเจ้าของ ก็แจ้งตนว่ากล้องวงจรปิดที่รีสอร์ตใช้ไม่ได้ทั้งหมด และไม่มีหลักฐานคนเข้าพัก
ต่อมา ทางรีสอร์ตให้ทนายโทรหาพี่สาวตน และถามว่าต้องการค่าเสียหายเท่าไร ซึ่งพี่สาวก็ตอบไปว่าทางตนต้องการความรับผิดชอบ ไม่ใช่มาพูดเช่นนี้ และเมื่อพูดคุยกับผู้ที่เป็นลูกเขยเจ้าของ ทีแรกก็บอกว่าจะชดเชยให้ 4,000 บาท แต่ทางบ้านตนไม่ยอม จึงโทรกลับไปเพื่อไกล่เกลี่ย และเจ้าของบอกว่าจะให้เงิน 10,000 บาท และบอกว่าให้ช่วยๆ กัน ตนจึงรู้สึกไม่โอเคเป็นอย่างมาก